ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง…มีหญิงสาวคนหนึ่งตั้งท้อง พ่อแม่บังคับให้ลูกบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็ก เด็กสาวทนพ่อแม่บีบคั้นไม่ได้ จึงบอกว่า…พ่อของเด็กเป็นพระอาวุโสรูปหนึ่งในวัดใกล้บ้าน เมื่อเด็กคลอดออกมา คนที่บ้านก็เอาเด็กไปหาพระอาวุโสรูปนี้ พระบอกเพียงว่า “อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง” ก็รับเด็กไว้ ตั้งแต่นั้นมา… พระรูปนั้นก็อุ้มเด็กไปบิณฑบาตตามบ้าน คนในหมู่บ้านต่างไม่พอใจ ตำหนิ นินทา หยาบคาย ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ผ่านไป 1 ปี… หญิงสาวรู้สึกผิด จึงสารภาพกับพ่อแม่ว่า พ่อที่แท้จริงเป็นอีกคนหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับพระรูปนั้นเลย ครอบครัวนี้รู้สึกละอายใจมาก ไปพบพระอาวุโสรูปนั้น เห็นพระท่านโทรมมาก แต่ลูกกลับอ้วน ๆ ขาว ๆ เป็นที่น่ารักมาก หญิงสาวรู้สึกผิดมาก ขอโทษพระอาวุโสรูปนั้น ท่านพูดเพียงว่า…. “อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง” พระอาวุโสรูปถูกกล่าวหาจนชื่อเสียงป่นปี้
แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้แก้ตัวเลย เพราะอะไร ? พระอาวุโสรูปบอกว่า…. “บวชเป็นพระ ชื่อเสียงเงินทองต่างเป็นของนอกกาย คนเข้าใจผิด ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร อาตมาช่วยแม่ และ ลูกให้พ้นวิกฤตได้ เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง
ตอนคนอื่นเข้าใจเราผิด เราต้องใช้เวลามากในการอธิบาย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเรา แต่ไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเชื่อ คนเราจะเชื่อกับข้อมูลที่ได้รับมาครั้งแรก โดยไม่ค่อยพิจารณาว่า ความจริงเป็นเช่นไร ใช้หลักจากการรับรู้ของตัวเองในการเข้าใจและตัดสิน คนทุกคนล้วนดื้อรั้น คนที่เข้าใจคุณ ก็จะเข้าใจคุณตั้งแต่แรก
บางครั้ง แทนที่คุณจะพยายามด้วยความเจ็บปวด ที่จะเปลี่ยนคำตัดสินใจของอื่น สู้รับแล้วให้เวลาคนอื่น ให้เวลาตัวเอง ไม่เสียเวลาในการแก้ตัวที่ไร้ประโยชน์ ไปทำอะไรที่มีประโยชน์ในระยะยาวดีกว่า
ขอบคุณที่มา : verrysmilejung